Newsletter 4/2563

25/02/2564

713


ภาพรวมธุรกิจ

จากสถิติของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เบี้ยประกันวินาศภัยรวมสำหรับ 1 มกราคม 2563 – 30 กันยายน 2563 จำนวน 184,368 ล้านบาท หรือเติบโตเท่ากับ ร้อยละ 3.87 YoY แบ่งเป็น

เบี้ยประกันวินาศภัยประเภทรถ 105,421 ล้านบาท

เบี้ยประกันวินาศภัยประเภทเบ็ดเตล็ด 67,258 ล้านบาท

เบี้ยประกันวินาศภัยประเภทอัคคีภัย 7,790 ล้านบาท

เบี้ยประกันวินาศภัยประเภททะเลและขนส่ง 3,899 ล้านบาท

เบี้ยประกันชีวิตปีแรก ปีต่อไป และจ่ายครั้งเดียว สำหรับ 1 มกราคม 2563 – 30 กันยายน 2563 จำนวน 429,165 ล้านบาทหรือลดลงร้อยละ 3.29 YoY จากกรมธรรม์ปีแรกจำนวน 73,814 ล้านบาท กรมธรรม์ปีต่อจำนวน 314,448 ล้านบาทและจากสัญญาจ่ายครั้งเดียวจำนวน 40,903 ล้านบาท

บริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี พ.. 2563 แม้จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม อันที่จริงการแพร่ระบาดครั้งนี้ถือเป็นวิกฤตการณ์ที่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยรวมของโลก แต่สำหรับทีคิวเอ็มนั้น การระบาดครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญ และบริษัทได้พิสูจน์แล้วว่าบริษัทสามารถปรับตัวและยืนหยัดอย่างมั่นคงและยั่งยืนท่ามกลางวิถีชีวิตแบบใหม่หลังการแพร่ระบาด บริษัทได้เรียนรู้และประมวลผลข้อมูล Big Data เพื่อออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าตลอดทั้งปี อาทิ ประกันโควิด-19 ประกันฟรีแลนซ์ ประกันอัคคีภัย ประกันที่อยู่อาศัย ประกันตามฤดูกาล ประกันท่องเที่ยว รวมถึงประกันภัยเพื่อผู้หญิง

บริษัทยังคงไม่หยุดยั้งในด้านการขยายช่องทางการขาย โดยตลอดทั้งปี พ.. 2563 บริษัทขยายช่องทางการขายประกันรวมถึงการพัฒนา platform เพื่อการขายประกันทั้งออนไลน์และออฟไลน์ อาทิ Shopee, Facebook Line Official ตู้บุญเติม และ Ship Smile Service และเพื่อเพิ่มศักยภาพในงานขายรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องครอบคลุมและตอบสนองความต้องการของประชาชนทั่วประเทศ ตรงตามกลยุทธ์ที่วางไว้ในด้านการเสริมความแข็งแกร่งของช่องทางการขายและการชำระเงินเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทอย่างยั่งยืน

บริษัทสนับสนุนให้นำความรู้และประสบการณ์ด้านความยั่งยืนมาพัฒนาและปรับใช้เพื่อคิดค้นนวัตกรรมในด้านต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะนวัตกรรมด้านกระบวนการทำงานทั้งในระดับภายในองค์กรและระดับความร่วมมือระหว่างองค์กร โดยเน้นนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น สร้างผลิตผลและมูลค่าเพิ่มเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งการสร้างนวัตกรรมตามโครงการการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนต่าง ๆ ยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอีกทางหนึ่งด้วย เช่น โครงการนวัตกรรมการพัฒนาระบบ e-Document เพื่อลดการใช้กระดาษและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สามารถลดการใช้กระดาษ A4 ในปี พ.. 2563 ได้ถึง 14,450,518 แผ่น หรือคิดเป็นเงินที่สามารถลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อกระดาษและหมึกพิมพ์เอกสารเพื่อการประกอบธุรกิจได้กว่า 4.52 ล้านบาท อีกทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการคำนวณค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกระบวนการผลิตกระดาษจำนวน 71,824.77 kgCO2e อีกด้วย


ภาพรวมบริษัทปี พ.. 2563

รายการ

2563

2562

YoY

ล้านบาท

ร้อยละ

ล้านบาท

ร้อยละ

ล้านบาท

ร้อยละ

รายได้ค่าบริการ

3,802.5

98.3

2,711.5

97.4

370.9

13.7

รายได้อื่น

53.6

1.7

72.3

2.6

(18.7)

(25.9)

ต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการ

1,517.4

48.4

1,457.7

52.4

59.7

4.1

กำไรขั้นต้น

1,565.0

50.8

1,253.8

46.2

311.2

24.8

ค่าใช้จ่ายในการบริหาร

747.4

23.8

701.9

25.2

45.5

6.5

กำไรสุทธิ

702.0

22.4

507.2

18.2

194.7

38.4

กำไรต่อหุ้น (บาท)

2.34


1.69


0.65

38.5


  • รายได้ค่าบริการประจำปี 2563 เท่ากับ 3,082.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนจำนวน 2,711.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 370.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.7 YoY สาเหตุจากยอดขายและบริการที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ พร้อมทั้งช่องทางการขายและการชำระเงินที่ตอบสนองลูกค้าได้มากขึ้น

  • ในขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการประจำปี 2563 เท่ากับ 1,517.4 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 48.4 ของรายได้รวม เมื่อเทียบกับปีก่อน 1,457.7 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 52.4 เพิ่มขึ้นจำนวน 59.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.1 YoY เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของยอดขายที่เพิ่มขึ้น

  • กำไรขั้นต้นประจำปี 2563 เท่ากับ 1,565.0 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 50.8 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 1,253.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 46.2 เพิ่มขึ้นจำนวน 311.2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.8 YoY เพิ่มขึ้นจากการขยายการขายผ่านช่องทางออนไลน์รวมถึงช่องทางอื่น ๆ

  • ค่าใช้จ่ายในการบริหารประจำปี 2563 เท่ากับ 747.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.8 เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 701.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25.2 เพิ่มขึ้นจำนวน 45.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.5 YoY สาเหตุหลักจากการบันทึกบัญชีตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินใหม่ฉบับที่ 9 เรื่องเครื่องมือทางการเงิน และฉบับที่ 16 เรื่องสัญญาเช่า ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ในปีปัจจุบัน

  • กำไรสุทธิรวมจากผลการดำเนินงานประจำ ปี 2563 ของกลุ่มบริษัทเท่ากับ 702.0 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22.4 เปรียบเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 507.2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18.2 เพิ่มขึ้นจำนวน 194.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 38.4 YoY จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายทุกช่องทาง การบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 2.34 บาทต่อหุ้น เปรียบเทียบกับปีก่อนเท่ากับ 1.69 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 0.65 บาทต่อหุ้น

  • ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติให้จ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการ วันที่ 1 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เป็นเงินสดจำนวนหุ้นละ 1.15 บาท จำนวน 300 ล้านหุ้น รวมเป็นเงินสดปันผลจ่ายทั้งสิ้นจำนวน 345 ล้านบาท

ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์

โทร.02 119 8888 ต่อ 5009


ข่าวล่าสุด