TQM โชว์ Q2/62 กำไรสุทธิพุ่งเกือบ 30%


    TQM เผยประกอบการไตรมาส 2/62 เติบโตต่อเนื่อง รายได้รวมแตะ 684.8 ล้านบาท โต 13.4% กำไรสุทธิ 122.5 ล้านบาท พุ่ง 29.5% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุยอดขาย-รายได้จากดอกเบี้ยรับ-ผลตอบแทนจากเงินลงทุน เพิ่มขึ้น ลุ้นภาพรวมเบี้ยประกันภัยทั้งปีโตทะลุเป้า 12,790 ล้านบาท ย้ำจุดแข็ง Big Data - AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การวิเคราะห์เจาะลึกความต้องการลูกค้าได้ตรงจุด

    ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานกรรมการ บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM ผู้นำด้านที่ ปรึกษาประกันภัยและการเงิน เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2562 บริษัทมีรายได้รวม 684.8 ล้านบาท เพิ่ม ขึ้น 80.8 ล้านบาท หรือ 13.4% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 604 ล้านบาท เนื่องจากค่าเบี้ยประกันวินาศภัยเพิ่มสูง ขึ้นจากการทำประกันภัยรถยนต์เป็นหลัก โดยข้อมูลสถิติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการ ประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ระบุว่า ล่าสุดไตรมาส 1/2562 ผู้บริโภคทำประกันวินาศภัยผ่านโบรคเกอร์สูงสุด ถึง 59% พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า ในปี 2562 เบี้ยประกันวินาศภัยจะเติบโต 4-5% เทียบจาก 231,990 ล้านบาท ในปี 2561 โดยประกันภัยรถยนต์เติบโต 5.7% เทียบจาก 136,188 ล้านบาท ในปี 2561 ขณะเดียวกันบริษัทยังมีบริการ และการติดตามหลังการขายที่ดีและสม่ำเสมอ ทำให้ลูกค้าประทับใจและใช้บริการต่อเนื่องกว่า 70% พร้อมกับมีการ บอกต่อลูกค้ารายใหม่ 

    โดยรายได้ค่าบริการไตรมาส 2/2562 อยู่ที่ 664.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.6% เมื่อเทียบจาก ไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่ 595.2 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการอยู่ที่ 345.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50.5% ของรายได้รวม เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 297.3 ล้านบาทหรือคิดเป็น 49.2% เพิ่มขึ้นจำนวน 48.4 ล้านบาท คิดเป็น 16.3% ซึ่งหากเปรียบเทียบเป็นจำนวนร้อยละจะเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สาเหตุจาก การเพิ่มขึ้นของจำนวนพนักงานขายซึ่งกลุ่มบริษัทฯได้จัดเตรียมเพื่อรองรับปริมาณการขายที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 318.5 ล้านบาท คิดเป็น 47.9% เมื่อเทียบจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่ 297.9 ล้านบาท คิดเป็น 50% เพิ่มขึ้นจำนวน 20.6 ล้านบาท คิดเป็น 6.9% และมีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 122.5 ล้าน บาท คิดเป็น 17.9% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 27.9 ล้านบาท คิดเป็น 29.5% เนื่องจากยอดขายและรายได้ อื่นจากดอกเบี้ยรับและผลตอบแทนจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการควบคุมค่าใช้จ่าย และการนำเทคโนโลยีเข้า มาปรับใช้ ช่วยให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    ดร.อัญชลิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2562 จากจุดแข็งในเรื่อง Big Data และการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาปรับใช้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์เจาะลึกความต้องการลูกค้าได้ตรงจุด รวมถึงแผนเดินหน้าขยายความร่วมมือกับบริษัทประกันภัยและพันธมิตรใหม่ ๆ พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะ กลุ่ม สอดรับพฤติกรรมในปัจจุบัน มุ่งเน้นบริหารการดำเนินงานภายใต้โครงการปัจจุบัน อาทิ Financial Broker, ประกันชีวิต และ Insurance Shop จะผลักดันภาพรวมเบี้ยประกันภัยทั้งปี 2562 เติบโตทะลุเป้า 12,790 ล้านบาท หนุนรายได้ – กำไรเติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

    ทั้งนี้บริษัทยังมีนโยบายจ่ายปันผลมากกว่าร้อยละ 50 ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผล ระหว่างกาลจากผลประกอบการวันที่ 1 มกราคม 2562 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2562 เป็นเงินสดจำนวนหุ้นละ 0.65 บาท จำนวน 300 ล้านหุ้น รวมเป็นเงินสดปันผลจ่ายทั้งสิ้นจำนวน 195 ล้านบาท 


ข่าวล่าสุด